
การทำประกันรถยนต์ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนมีรถ เพราะช่วยแบ่งเบาความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ ความเสียหาย หรือเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
การทำประกันรถยนต์ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับคนมีรถ เพราะช่วยแบ่งเบาความเสี่ยงจากอุบัติเหตุ ความเสียหาย หรือเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แต่เชื่อไหมครับว่า “ไม่ได้ทุกเคส” ที่ประกันจะยื่นมือเข้ามาช่วย เพราะมีหลายกรณีที่บริษัทประกันปฏิเสธความคุ้มครอง ซึ่งหากเราไม่รู้ล่วงหน้า อาจเจอเหตุการณ์แบบ เจ็บทั้งตัว เจ็บทั้งใจ และกระเป๋าสตางค์เบาหวิวไปพร้อม ๆ กัน
วันนี้ผมจะพาทุกคนมาดู 5 เคสตัวอย่างที่ประกันรถยนต์มักปฏิเสธความคุ้มครอง พร้อมอธิบายเหตุผลแบบเข้าใจง่าย เพื่อให้เจ้าของรถอย่างเรา ๆ รู้เท่าทัน ไม่ต้องมาเสียเซ็งภายหลัง
เคสที่ 1: เมาแล้วขับ 🚫🍻
นี่คือเหตุผลอันดับหนึ่งที่เจอกันบ่อยที่สุดครับ หากเกิดอุบัติเหตุในขณะที่ผู้ขับขี่มีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกว่าที่กฎหมายกำหนด (มากกว่า 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์) บริษัทประกันแทบทุกราย จะไม่จ่ายค่าซ่อมรถของผู้เอาประกัน รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับคู่กรณีด้วย
ตัวอย่าง: นายเอเมาแล้วขับชนเสาไฟ รถพังยับ ตัวเองเจ็บหนัก แถมคู่กรณีเจ็บด้วย สุดท้ายต้องควักเงินจ่ายทั้งค่าซ่อมรถ ค่ารักษาพยาบาล และค่าเสียหายทั้งหมดเอง
ข้อคิด: การดื่มแล้วขับไม่เพียงเสี่ยงต่อชีวิต แต่ยังทำให้ประกันไม่ช่วยอีกด้วย ฉะนั้นถ้าจะดื่ม ควรหาคนขับแทน หรือใช้บริการรถรับส่งสาธารณะปลอดภัยกว่าเยอะครับ
เคสที่ 2: ขับรถโดยไม่มีใบขับขี่ 🪪❌
หลายคนคิดว่าแค่ “ลืมพกใบขับขี่” กับ “ไม่มีใบขับขี่” เป็นเรื่องเดียวกัน แต่ในมุมกฎหมายและบริษัทประกันถือว่าแตกต่างกันครับ
- ลืมพก: ส่วนใหญ่ยังคงได้รับความคุ้มครอง แต่ต้องจ่ายค่าปรับตามกฎหมาย
- ไม่มีใบขับขี่จริง ๆ หรือใบขับขี่หมดอายุ: บริษัทประกันสามารถปฏิเสธความคุ้มครองได้ทันที
ตัวอย่าง: น้องบีเพิ่งซื้อรถใหม่แต่ยังไม่ได้สอบใบขับขี่ ขับออกไปชนท้ายรถคันอื่น สุดท้ายบริษัทประกันไม่จ่าย ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายหลักหมื่นเอง
ข้อคิด: การมีใบขับขี่ไม่ใช่แค่ทำตามกฎหมาย แต่ยังเป็นเงื่อนไขสำคัญของสัญญาประกัน อย่ามองข้ามเด็ดขาด
เคสที่ 3: ใช้รถผิดประเภท 🚙➡️🚚
หลายคนไม่รู้ว่าการเอารถไปใช้งานผิดประเภทจากที่แจ้งไว้ในกรมธรรม์ อาจทำให้ประกันไม่คุ้มครองได้ เช่น
- รถส่วนบุคคลถูกนำไปใช้บรรทุกของหนัก ๆ เป็นประจำ
- รถเก๋งเอาไปวิ่งรับจ้างเป็นแท็กซี่
- รถกระบะเอาไปขนของเกินน้ำหนักที่กำหนด
ตัวอย่าง: คุณซีมีรถกระบะที่ทำประกันแบบรถส่วนบุคคล แต่เอาไปขนของให้ร้านค้าทุกวัน วันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุจนรถเสียหายหนัก บริษัทตรวจสอบแล้วพบว่าใช้งานผิดประเภท สุดท้ายไม่จ่ายค่าเสียหาย
ข้อคิด: เวลาทำประกันควรแจ้งลักษณะการใช้รถให้ตรงจริง เพื่อป้องกันปัญหาภายหลัง
เคสที่ 4: รถแต่งเกินจริง ⚙️🔥
การแต่งรถให้สวยแรงเป็นเรื่องที่หลายคนชอบ แต่รู้ไหมครับว่า “รถแต่ง” โดยไม่ได้แจ้งบริษัทประกัน อาจกลายเป็นช่องให้ประกันปฏิเสธความคุ้มครองได้
ตัวอย่าง: คุณดีแต่งรถเปลี่ยนเครื่องยนต์ใส่เทอร์โบ เพิ่มล้อแม็กใหญ่ ติดสปอยเลอร์ แต่ไม่ได้แจ้งประกัน เมื่อเกิดอุบัติเหตุ รถเสียหายหนัก บริษัทปฏิเสธทันทีเพราะรถไม่ตรงตามที่ระบุไว้ในกรมธรรม์
ข้อคิด: แต่งรถได้ครับ แต่ควรแจ้งบริษัทประกันเพื่ออัปเดตเงื่อนไข ไม่เช่นนั้นความสวยอาจกลายเป็นค่าใช้จ่ายก้อนโต
เคสที่ 5: เคลมอุบัติเหตุที่ไม่ใช่อุบัติเหตุ 🧐
หลายคนคิดว่าทำประกันแล้วจะเคลมได้ทุกเรื่อง แต่ความจริงประกันคุ้มครองเฉพาะ “อุบัติเหตุ” หรือ “เหตุสุดวิสัย” เท่านั้น กรณีอื่น ๆ เช่น
- รถเสียจากการใช้งานปกติ (เช่นเครื่องพังเอง, แบตหมด, ยางแตกจากการเสื่อมสภาพ)
- รถหายเพราะเจ้าของเผลอทำกุญแจหายไว้กับรถ
- ความเสียหายจากการดัดแปลงเครื่องยนต์เองจนพัง
ตัวอย่าง: คุณอีเอารถไปเที่ยว ขากลับเครื่องยนต์น็อคเสียหายหนัก แต่เมื่อแจ้งเคลม ประกันปฏิเสธ เพราะไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุ
ข้อคิด: ประกันช่วยคุ้มครองเหตุการณ์ไม่คาดคิด ไม่ใช่การซ่อมบำรุงตามการใช้งานปกติครับ
สรุป
จะเห็นว่า “การทำประกัน” ไม่ได้หมายความว่าทุกอย่างจะครอบคลุม 100% หากผู้ขับขี่ไม่เข้าใจเงื่อนไข ก็อาจเจอเหตุการณ์สุดเซ็งแบบที่ยกตัวอย่างมาได้ การรู้เท่าทันเป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุด
👉 ดังนั้นก่อนทำประกันทุกครั้ง ควรอ่านกรมธรรม์ให้ละเอียด สอบถามเงื่อนไขที่ไม่เข้าใจ และเลือกทำประกันกับ นายหน้าที่น่าเชื่อถือ เพื่อให้ได้ข้อมูลตรงไปตรงมา
มุมความรู้เสริมเล็กน้อย ✨
ต่อประกันตรงเวลา เพราะหากปล่อยให้ขาด ต่อใหม่อาจไม่ครอบคลุมทันที
อย่ามองแค่ราคาเบี้ยประกัน แต่ควรมองความคุ้มครองที่เหมาะกับการใช้งานของเราด้วย
ตรวจสอบประวัติบริษัทประกัน หรือเลือกผ่านนายหน้าที่มีประสบการณ์ เพื่อช่วยคัดสรรประกันที่ตอบโจทย์จริง
แนะนำประกัจาก OMC Broker 🛡️
ในฐานะที่ OMC Broker ทำงานด้านประกันภัยรถยนต์มานาน เราเข้าใจดีว่าลูกค้าหลายคนไม่ได้อยากเจอเหตุการณ์ “ปฏิเสธความคุ้มครอง” เพราะมันทำให้ทั้งเสียเวลา เสียเงิน และเสียอารมณ์ เราจึงให้คำปรึกษาแบบจริงใจ ตรวจสอบเงื่อนไขให้ตรงกับการใช้งาน และคอยดูแลตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงการเคลม เรารวมประกันรถยนต์จากทุกบริษัทชั้นนำของประเทศไทยไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นวิริยะ กรุงเทพ รู้ใจ ธนชาต และบริษัทชั้นนำอีกมากมาย เราคัดสรรแผนประกันที่ครอบคลุมและคุ้มค่าที่สุดให้คุณเปรียบเทียบได้อย่างโปร่งใส
เพราะการมีประกันที่ใช่ ไม่ได้แค่ช่วยให้คุณอุ่นใจ แต่ยังช่วยให้กระเป๋าสตางค์ปลอดภัยด้วยครับ 😉


