
ทำไมเรื่องประกันถึงดูเป็นเรื่องยาขม
เคยไหมครับ? นั่งเลื่อนฟีด Facebook แล้วเจอข่าวคนป่วยค่ารักษาหลักล้าน หรือเห็นเพื่อนโพสต์รูปนอนโรงพยาบาลเอกชนหรูๆ แล้วเริ่มใจแป้ว… หันกลับมาดูเงินในบัญชีตัวเองแล้วคิดว่า “ถ้าเป็นเราป่วยบ้าง จะเอาเงินที่ไหนจ่าย?”
ความคิดแวบแรกคือ “ฉันต้องทำประกัน!”
แต่พอเริ่มค้นหาข้อมูลในกูเกิล คำศัพท์เทคนิคต่างๆ ก็ถาโถมเข้ามาใส่ ไม่ว่าจะเป็น “เหมาจ่าย” “แยกค่าใช้จ่าย” “พ่วงสัญญาเพิ่มเติม” “อนุสัญญา” หรือ “Unit Linked” อ่านไปได้ไม่ถึง 5 นาที หลายคนก็ถอดใจปิดหน้าจอหนี เพราะไม่รู้จะเริ่มจับต้นชนปลายตรงไหน
ใจเย็นๆ ครับ วางความกังวลเหล่านั้นลงก่อน บทความนี้ไม่ได้เขียนมาเพื่อยัดเยียดขายของ แต่เราจะมาทำหน้าที่ “กางแผนที่” ให้คุณเดินไปสู่การมีความคุ้มครองที่ “ใช่ที่สุด” สำหรับตัวคุณเอง แบบอ่านจบแล้วคุณจะเดินไปเลือกซื้อประกันได้แบบเซียน โดยมีเราคอยเป็นพี่เลี้ยง
Check-up ชีวิตตัวเองก่อน อย่าเพิ่งรีบควักกระเป๋า
ความผิดพลาดอันดับหนึ่งของคนซื้อประกันคือ “การซื้อตามเพื่อน” หรือ “ซื้อเพราะเกรงใจตัวแทน” ประกันที่ดีที่สุดในโลกนั้นไม่มีจริงครับ มีแต่ “ประกันที่เหมาะกับจังหวะชีวิตของคุณที่สุด” ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจจ่ายเงินก้อนโต ลองตอบคำถามสำคัญ 3 ข้อนี้ให้ได้ก่อน
ข้อแรก คุณกลัวอะไรมากที่สุดในตอนนี้ ลองหลับตาแล้วนึกภาพดูครับ ว่าความกังวลสูงสุดในใจคุณคืออะไร หากคุณกลัวว่าถ้าตัวเองจากไปกะทันหัน แล้วพ่อแม่ ลูก หรือคู่ชีวิตจะลำบากเรื่องเงิน ไม่มีใครส่งเสียดูแล แปลว่าคุณกำลังต้องการ “ประกันชีวิตที่เน้นความคุ้มครองชีวิตสูงๆ”
แต่ถ้าคุณกลัวว่าถ้าป่วยหนัก เป็นโรคร้าย หรือต้องผ่าตัด แล้วเงินเก็บทั้งชีวิตจะมลายหายไปกับค่าหมอ แปลว่าสิ่งที่คุณต้องโฟกัสคือ “ประกันสุขภาพและโรคร้ายแรง”
หรือถ้าคุณกลัวว่าแก่ตัวไปแล้วจะไม่มีเงินใช้ ไม่อยากเป็นภาระลูกหลานตอนเกษียณ โจทย์ของคุณจะเปลี่ยนไปเป็น “ประกันสะสมทรัพย์หรือประกันบำนาญ” ทันที
ข้อสอง งบประมาณไหวที่เท่าไหร่ เรื่องนี้สำคัญมากครับ ประกันคือสัญญาระยะยาว เปรียบเสมือน “การวิ่งมาราธอน” ถ้าปีนี้คุณจ่ายไหวด้วยความฮึกเหิม แต่ปีหน้าจ่ายไม่ไหวจนต้องปล่อยกรมธรรม์ขาด เท่ากับเงินที่จ่ายไปก่อนหน้านี้แทบจะสูญเปล่า
สูตรลับทางการเงินแนะนำว่า เบี้ยประกันรวมทั้งหมด ไม่ควรเกิน 10 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้ทั้งปี แต่ถ้าคุณยังโสดและไม่มีภาระหนี้สิน อาจจะขยับขึ้นไปได้ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ต้องไม่กระทบสภาพคล่องในชีวิตประจำวันครับ
ข้อสาม สวัสดิการที่มีอยู่แล้วคืออะไร อย่าลืมกลับไปเช็กสิทธิ์พื้นฐานที่คุณมี ไม่ว่าจะเป็นประกันสังคม หรือประกันกลุ่มที่บริษัททำให้ ลองเอากรมธรรม์เหล่านั้นมากางดูครับว่ามันครอบคลุมแค่ไหน ขาดตรงไหน เราจะได้ซื้อประกันส่วนตัวแค่เพื่อไป “โปะ” ส่วนที่ขาด ไม่ต้องซื้อซ้ำซ้อนให้เปลืองเงิน
รู้จัก “ประกันชีวิต” แบบภาษาคน เลือกให้ถูกโจทย์
ประกันชีวิตไม่ได้มีแบบเดียวครับ มันเหมือนเมนูอาหารที่แต่ละจานให้รสชาติและคุณค่าทางโภชนาการต่างกัน เรามาดูกันว่าแบบไหนเหมาะกับใคร
แบบชั่วระยะเวลา หรือ Term Insurance คอนเซปต์คือ “เน้นคุ้มครองสูง เบี้ยถูก แต่จ่ายทิ้ง” เปรียบเหมือนเรา “จ้างยามมาเฝ้าบ้าน” จ่ายค่าจ้างปีต่อปี หรือทำสัญญา 5 ปี 10 ปี ถ้าโจรขึ้นบ้านหรือเราเป็นอะไรไปในช่วงนั้น คนข้างหลังจะได้เงินชดเชยก้อนใหญ่มาก แต่ถ้าเราอยู่ครบสัญญา แข็งแรงดี ยามก็แค่หมดหน้าที่กลับบ้านไป เราไม่ได้เงินคืน
แบบนี้เหมาะมากสำหรับ หัวหน้าครอบครัวที่มีลูกเล็ก หรือ คนที่มีหนี้บ้าน เพราะเราต้องการความคุ้มครองสูงๆ ในช่วงสร้างตัว หากเกิดอะไรขึ้น หนี้ต้องหมด ลูกต้องเรียนจบ
แบบตลอดชีพ หรือ Whole Life คอนเซปต์คือ “มรดกที่แน่นอน คุ้มครองยาวๆ” เปรียบเหมือน “การซื้อบ้านที่เป็นของเราแน่ๆ” จ่ายเบี้ยคงที่ช่วงหนึ่ง แต่คุ้มครองยาวไปจนแก่เฒ่าถึงอายุ 90 หรือ 99 ปี ข้อดีคือการันตีว่าได้เงินแน่ๆ ไม่ว่าจะจากไปตอนไหน ก็จะเป็นเงินก้อนทิ้งไว้ให้ลูกหลาน หรือเอาไว้เป็นค่าทำศพจะได้ไม่ลำบากคนข้างหลัง และที่สำคัญ แบบนี้มักนิยมใช้เป็นสัญญาหลักเพื่อซื้อ “ประกันสุขภาพพ่วงท้าย” ครับ
แบบสะสมทรัพย์ หรือ Savings คอนเซปต์คือ “ออมเงินแถมความคุ้มครอง” อารมณ์เหมือนฝากเงินกับธนาคารแต่มีประกันแถมมาด้วย ได้ดอกเบี้ยในรูปแบบของเงินปันผลหรือเงินคืนตามสัญญาที่ระบุไว้ชัดเจน เหมาะกับคนที่เก็บเงินไม่อยู่ ต้องการบังคับตัวเองให้ออม หรือต้องการนำเบี้ยไป “ลดหย่อนภาษี”
ผ่าตัด “ประกันสุขภาพ” เลือกยังไงไม่ให้เจ็บใจตอนเคลม
นี่คือส่วนที่ซับซ้อนที่สุด และเป็นส่วนที่ทาง OMC Broker ให้ความสำคัญในการแนะนำลูกค้ามากที่สุดครับ เพราะประกันสุขภาพมีรายละเอียดปลีกย่อยเยอะมาก หลักๆ เราแบ่งเป็น 2 ทีมครับ
ทีม A แบบแยกค่าใช้จ่าย The Budget Saver กรมธรรม์แบบนี้จะซอยวงเงินความคุ้มครองออกเป็นหมวดหมู่ย่อยๆ อย่างชัดเจน เช่น ค่าห้อง 2,000 บาทต่อวัน ค่าผ่าตัด 30,000 บาท ค่ายา 20,000 บาท ข้อดีคือเบี้ยเริ่มต้นถูกมาก หลักพันต่อปีก็มีให้เห็น แต่ข้อเสียที่น่ากลัวคือ เวลาป่วยหนักหรือต้องผ่าตัดใหญ่ วงเงินที่ซอยย่อยไว้มักจะไม่พอจ่าย ทำให้เราต้องควักเงินส่วนตัวจ่าย “ส่วนต่าง” เพิ่ม ซึ่งบางทีส่วนต่างนั้นอาจจะหลักแสนเลยทีเดียว
ทีม B แบบเหมาจ่าย The Lump Sum นี่คือแบบที่ได้รับความนิยมสูงสุดและทางเราแนะนำครับ คอนเซปต์คือให้ “วงเงินก้อนโตไปเลยต่อปี” เช่น 1 ล้าน 5 ล้าน หรือไปถึง 100 ล้านบาท ไม่ว่าจะเป็นค่าผ่าตัด ค่ายา ค่าหมอ ค่าเวชภัณฑ์ ก็จะไปตัดออกจากวงเงินก้อนนี้ก้อนเดียว ข้อดีคือ “ความสบายใจ” ครับ ป่วยหนักแค่ไหนก็เอาอยู่ ตราบใดที่ไม่เกินวงเงินหลักล้านที่เราซื้อไว้ แม้เบี้ยจะสูงกว่าแบบแยกค่าใช้จ่าย แต่แลกมาด้วยความมั่นคงทางการเงินเวลาวิกฤต ถือว่าคุ้มค่าครับ
อย่าลืมเรื่อง “ค่าห้อง” หรือ Room Board หนึ่งในกับดักที่หลายคนพลาดคือดูแต่วงเงินรักษา แต่ลืมดูค่าห้องพัก โรงพยาบาลเอกชนสมัยนี้ค่าห้องแพงกว่าโรงแรม 5 ดาวครับ ต้องเช็กให้ดีว่าประกันให้ค่าห้องเท่าไหร่ แนะนำว่าควรยืนพื้นอย่างน้อย 3,000 ถึง 6,000 บาทขึ้นไป เพื่อให้ครอบคลุมโรงพยาบาลมาตรฐานส่วนใหญ่
กับดักที่มือใหม่ต้องระวัง อ่านตรงนี้จะได้ไม่โดนเท
มีลูกค้าหลายคนที่เดินเข้ามาปรึกษาทาง OMC Broker หลังจากเจอปัญหาเคลมไม่ได้จากที่อื่น เพราะไม่เข้าใจเงื่อนไขสำคัญเหล่านี้ครับ
ระยะเวลารอคอย หรือ Waiting Period จำไว้นะครับว่า “ซื้อประกันวันนี้ พรุ่งนี้ป่วย เคลมไม่ได้นะครับ” บริษัทประกันจะมีระยะเวลารอคอยเพื่อป้องกันคนที่รู้ตัวว่าป่วยแล้วรีบมาทำประกัน โดยโรคทั่วไปอย่างไข้หวัด ท้องเสีย มักจะต้องรอ 30 วัน ส่วนโรคร้ายแรงหรือโรคเรื้อรังอย่าง เนื้องอก นิ่ว ซีสต์ มักจะต้องรอถึง 120 วัน ดังนั้น “ประกันทำตอนแข็งแรงดีที่สุดครับ”
สภาพที่เป็นมาก่อนการทำประกัน หรือ Pre-existing Condition ถ้าคุณเคยเป็นโรคอะไรมาก่อน หรือมีประวัติการรักษาอยู่แล้ว แล้วมาทำประกัน บริษัทมักจะ “ไม่คุ้มครองโรคนั้น” หรือร้ายแรงสุดคือบอกล้างสัญญาถ้าเราปกปิดข้อมูล ทริคสำคัญคือ “แถลงความจริงไปเลยครับ” ทาง OMC Broker จะช่วยเจรจาและหาบริษัทที่เงื่อนไขยืดหยุ่นที่สุดให้ อาจจะเพิ่มเบี้ยนิดหน่อยแต่คุ้มครองชัวร์ ดีกว่าจ่ายเบี้ยทิ้งแล้วเคลมไม่ได้
ประกันสุขภาพต้อง “ต่ออายุ” ทุกปี เบี้ยประกันสุขภาพส่วนใหญ่จะปรับเพิ่มตามช่วงอายุนะครับ ยิ่งแก่ยิ่งแพง และสัญญาเป็นแบบปีต่อปี ต้องวางแผนการเงินยาวๆ เผื่อไว้ด้วย แต่ปัจจุบันก็มีประกันหลายแบบที่การันตีการต่ออายุ ไม่ปฏิเสธแม้เราจะเคลมเยอะ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาเป็นอันดับต้นๆ
ทำไมต้องซื้อผ่าน “โบรกเกอร์” ความลับที่ตัวแทนค่ายเดียวไม่บอกคุณ
สมมติคุณอยากได้ประกันสุขภาพเหมาจ่าย ถ้าคุณเดินไปบริษัท A เขาก็จะบอกว่า “ของ A ดีที่สุด” ถ้าคุณเดินไปบริษัท B เขาก็จะบอกว่า “ของ B คุ้มที่สุด”
แต่ความจริงคือ “ไม่มีบริษัทไหนดีที่สุดในทุกเรื่อง” บางที่ค่าเบี้ยถูกแต่เคลมยาก บางที่เคลมไวแต่เบี้ยแพง บางที่เด่นเรื่องโรคร้ายแรงแต่ประกันสุขภาพทั่วไปงั้นๆ แล้วเราจะรู้ได้ยังไง จะให้นั่งเปรียบเทียบเอง 20 บริษัท อ่านกรมธรรม์เป็นพันหน้า ก็คงไม่ไหวใช่ไหมครับ
นี่คือเหตุผลที่ OMC Broker หรือ โอเอ็มซี โบรกเกอร์ เกิดมาเพื่อคุณ การซื้อผ่านเรา ต่างจากการซื้อตรงหรือซื้อกับตัวแทนทั่วไปตรงที่
เรามีความเป็นกลาง หรือ Neutral Advisor เราเป็นพันธมิตรกับบริษัทประกันชั้นนำกว่า 30 แห่งทั่วไทย เราไม่ได้สังกัดค่ายใดค่ายหนึ่ง ดังนั้นเรากล้าที่จะบอกคุณตรงๆ ว่า “แผนนี้ไม่เหมาะกับพี่ครับ” หรือ “ไปของค่ายนี้ดีกว่า เบี้ยถูกกว่าแต่คุ้มครองเหมือนกัน” เราเลือกสิ่งที่เข้ากับคุณ ไม่ใช่สิ่งที่ทำยอดให้เรา
เราเปรียบเทียบให้เห็นภาพ หรือ Real Comparison OMC Broker มีระบบข้อมูลที่สามารถกางแผนประกันของหลายๆ เจ้ามาเทียบกันให้ดูแบบ “หมัดต่อหมัด” ในราคาเท่ากัน ใครให้ความคุ้มครองเยอะกว่า ใครมีเงื่อนไขจุกจิกน้อยกว่า คุณจะได้เห็นข้อมูลครบทุกด้านก่อนตัดสินใจ
บริการหลังการขายแบบ One Stop Service ตอนซื้อว่าสำคัญแล้ว ตอน “เคลม” สำคัญกว่า เคยไหมครับที่ตัวแทนหายตัวไป โทรไปคอลเซ็นเตอร์ก็รอนาน ลูกค้าของ OMC Broker จะมีทีมงานคอยดูแลประสานงานเคลมให้ ช่วยเช็กสิทธิ์โรงพยาบาล ช่วยคุยกับบริษัทประกันถ้าเกิดปัญหาที่ไม่เป็นธรรม คุณมีหน้าที่แค่พักผ่อนรักษาตัว ที่เหลือให้เราเป็น “เลขา” จัดการให้
สิทธิพิเศษที่มากกว่า บ่อยครั้งที่ OMC Broker มีโปรโมชั่นพิเศษ หรือข้อเสนอแบบ Exclusive ที่หาไม่ได้จากการเดินเข้าไปซื้อเองหน้าเคาน์เตอร์ ซึ่งช่วยให้คุณประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากขึ้น
ขั้นตอนการเริ่มต้นกับ OMC Broker ง่ายกว่าปอกกล้วย
ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้ แล้วรู้สึกว่า “โอเค ฉันพร้อมจะมีหลักประกันให้ชีวิตแล้ว” แต่ไม่อยากปวดหัวเลือกเอง ไม่อยากโดนหลอก และอยากได้คนดูแลยาวๆ ให้ทำตามสเต็ปง่ายๆ นี้ครับ
ขั้นตอนแรก “ทักหาเรา” ติดต่อ OMC Broker ผ่านช่องทางที่คุณสะดวก ไม่ว่าจะเป็นไลน์ เฟซบุ๊ก หรือโทรศัพท์เข้ามาพูดคุย
ขั้นตอนที่สอง “เล่าให้ฟัง” บอกงบประมาณที่คุณไหว และความกังวลของคุณ เช่น “อยากได้เหมาจ่าย ไม่เกิน 25,000 ต่อปี” หรือ “เน้นค่าห้องสูงๆ หน่อย” ไม่ต้องกลัวว่าจะเรื่องมากครับ ยิ่งบอกละเอียด เรายิ่งหาของดีให้คุณได้ง่ายขึ้น
ขั้นตอนที่สาม “รอรับข้อเสนอ” ทีมงานมืออาชีพของเราจะไปทำการบ้าน คัดเลือก “3 แผนที่ดีที่สุดจาก 3 บริษัทชั้นนำ” มานำเสนอให้คุณพิจารณา พร้อมชี้แจงจุดเด่นจุดด้อยให้ฟังแบบไม่มีกั๊ก
ขั้นตอนที่สี่ “ตัดสินใจ” คุณเลือกแผนที่ชอบที่สุด เราดำเนินการสมัครและยื่นเอกสารให้ทันที
ขั้นตอนสุดท้าย “ความคุ้มครองเริ่ม” คุณจะได้รับกรมธรรม์และความคุ้มครองตามสัญญา พร้อมเบอร์ติดต่อฉุกเฉินของทีมงานเราที่พร้อมดูแลคุณตลอดอายุสัญญา
บทสรุป ประกันที่ดี คือประกันที่ “มี” ในวันที่ต้องใช้
การทำประกันไม่ใช่การแช่งตัวเอง แต่มันคือการ “รักตัวเอง” และ “รับผิดชอบต่อคนข้างหลัง” อย่างเป็นรูปธรรมที่สุด
เงินค่าเบี้ยประกันที่คุณจ่ายทิ้งไปในแต่ละปี อาจจะดูเหมือนเสียเปล่าถ้าปีนั้นคุณไม่ป่วย แต่มันคือราคาของ “ความสบายใจ” หรือ “Peace of Mind” ที่ทำให้คุณใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ กล้าออกไปผจญภัย กล้าลงทุน โดยไม่ต้องพะวงว่าถ้าล้มหมอนนอนเสื่อขึ้นมา พรุ่งนี้ของครอบครัวจะเป็นอย่างไร
อย่ารอให้วันที่สุขภาพแย่มาถึง เพราะวันนั้น “มีเงินเท่าไหร่ก็ซื้อประกันไม่ได้แล้วครับ”
เริ่มวางแผนวันนี้ เพื่อชีวิตที่ดีในวันหน้า ให้ OMC Broker เป็นเพื่อนคู่คิด คัดสรรประกันที่ใช่ และดูแลกรมธรรม์ให้คุณนะครับ เพราะเราเชื่อว่า “สุขภาพของคุณ คือความสำคัญสูงสุดของเรา”
แนะนำประกันจาก OMC Broker 🛡️
ในฐานะที่ OMC Broker ทำงานด้านประกันภัยรถยนต์และประกันชีวิตมานาน เราเข้าใจดีว่าลูกค้าหลายคนไม่อยากเจอเหตุการณ์ “ปฏิเสธความคุ้มครอง” เพราะมันทำให้ทั้งเสียเวลา เสียเงิน และเสียอารมณ์
เราจึงให้บริการแบบมืออาชีพ ด้วยการให้คำปรึกษาอย่างตรงไปตรงมา ตรวจสอบเงื่อนไขตามการใช้งานจริง และดูแลตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงขั้นตอนเคลมประกัน คุณจึงมั่นใจได้ว่า ไม่ว่าจะเป็นการเคลมเล็ก เคลมใหญ่ หรือขอคำปรึกษาเพิ่มเติม เราอยู่เคียงข้างคุณเสมอ
🚗 ประกันรถยนต์
เราได้รวมประกันรถยนต์จากบริษัทชั้นนำของไทยไว้ในที่เดียว
วิริยะ / กรุงเทพประกันภัย / รู้ใจ / ธนชาต / และอีกหลายบริษัทชั้นนำ
คุณสามารถเปรียบเทียบแผนประกันได้อย่างโปร่งใส เลือกความคุ้มค่าและความคุ้มครองที่เหมาะกับรถและไลฟ์สไตล์ได้ทันที
❤️ ประกันชีวิต
OMC Broker ยังมีบริการ ประกันชีวิต สำหรับผู้ที่ต้องการสร้างหลักประกันให้ครอบครัว หรือวางแผนความมั่นคงในระยะยาว ไม่ว่าจะเป็น
- ประกันชีวิตควบการออม
- ประกันสุขภาพเสริม
- ประกันโรคร้ายแรง
- ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล
ทุกแผนผ่านการคัดเลือกให้เหมาะสมกับงบประมาณและเป้าหมายทางการเงินของลูกค้า



