
การเลือกบริษัทประกันรถยนต์สำหรับคนไทยในทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องของราคาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการตัดสินใจที่ผสมผสานระหว่างความน่าเชื่อถือของบริษัท
ในฐานะที่ผมทำงานในวงการนายหน้าประกันภัยมาหลายปี คำถามที่ผมถูกถามบ่อยที่สุดจากลูกค้าก็คือ “บริษัทประกันรถยนต์เจ้าไหนดีที่สุดครับ?” คำถามนี้ดูเหมือนง่าย แต่ตอบยาก เพราะคำว่า “ดีที่สุด” สำหรับแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน บางคนมองหาความคุ้มครองที่สมบูรณ์แบบ บางคนเน้นราคาที่ถูกที่สุด ในขณะที่อีกหลายคนให้ความสำคัญกับการบริการที่รวดเร็วและเป็นมิตรเมื่อเกิดเหตุ
การเลือกบริษัทประกันรถยนต์สำหรับคนไทยในทุกวันนี้ไม่ใช่เรื่องของราคาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการตัดสินใจที่ผสมผสานระหว่างความน่าเชื่อถือของบริษัท เครือข่ายการให้บริการหลังการขาย ความรวดเร็วในการเคลม และความคุ้มครองที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงของผู้ขับขี่ ในบทความนี้ผมจะพาไปรู้จัก 5 บริษัทประกันภัยรถยนต์ที่คนไทยนิยมมากที่สุด พร้อมข้อดี-ข้อด้อย และวิธีเลือกกรมธรรม์ที่เหมาะกับคุณ
ทำไมการเลือกบริษัทประกันถึงสำคัญ
ผมขอบอกตรง ๆ ว่า ประกันรถไม่ได้มีไว้เพื่อให้เราสบายใจเวลาเกิดเหตุเพียงอย่างเดียว แต่มันคือเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยปกป้องทรัพย์สินและความรับผิดชอบต่อบุคคลอื่น ค่าใช้จ่ายจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งเดียวอาจทำให้กระเป๋าฉีกได้ถ้าเราไม่มีกรมธรรม์ที่เหมาะสม การเลือกบริษัทที่มีระบบเคลมชัดเจน ศูนย์ซ่อมเชื่อถือได้ และทีมดูแลลูกค้าที่ตอบโจทย์ จึงสำคัญเท่ากับการเลือกความคุ้มครองเอง
ในฐานะนายหน้าที่ทำงานร่วมกับทั้งบริษัทประกันและลูกค้าหลายหมื่นราย ผมเห็นรูปแบบปัญหาซ้ำ ๆ เคลมช้า ตีราคาไม่ชอบ มาตรฐานศูนย์ซ่อมไม่สม่ำเสมอ หรือข้อยกเว้นที่ซ่อนอยู่ในกรมธรรม์ เหล่านี้แก้ได้ด้วยการเลือกผู้ให้บริการที่มีความน่าเชื่อถือและอ่านกรมธรรม์ให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ
เกณฑ์การจัดอันดับ (จากมุมมองนายหน้า)
ผมใช้เกณฑ์ต่อไปนี้ในการพิจารณาว่า “บริษัทไหนเป็นที่นิยม” และเหมาะกับผู้ขับขี่คนไทย
- ความน่าเชื่อถือและอายุบริษัท บริษัทที่อยู่ในตลาดมานานมีประวัติการจ่ายเคลมที่ตรวจสอบได้
- เครือข่ายศูนย์บริการ มีศูนย์ซ่อม-สาขาครอบคลุมทั้งประเทศ
- ความรวดเร็วและความเป็นธรรมในการเคลม เวลาเฉลี่ยในการอนุมัติ/จ่ายเคลมเป็นตัวชี้วัด
- ผลิตภัณฑ์และความยืดหยุ่นของกรมธรรม์ มีทางเลือกให้ปรับตามงบประมาณและความต้องการ
- บริการหลังการขายและการสื่อสาร call center, แอปพลิเคชัน, ออนไลน์เช็กสถานะเคลม
- ราคาและความคุ้มค่า ไม่ได้หมายความว่าถูกที่สุดคือดีที่สุด แต่ต้องคุ้มค่ากับความคุ้มครอง
ตามเกณฑ์นี้ นี่คือ 5 อันดับที่ผมรวบรวมจากประสบการณ์และการสังเกตการณ์ตลาด
อันดับ 1 วิริยะประกันภัย

ภาพรวม วิริยะเป็นหนึ่งในบริษัทที่เก่าแก่และมีความเชี่ยวชาญด้านประกันภัยรถยนต์ มีฐานลูกค้ามากมายทั่วประเทศและเป็นที่รู้จักในด้านการให้บริการที่รวดเร็ว โดยเฉพาะกับกรมธรรม์ภาคสมัครใจที่มีตัวเลือกหลายระดับ
จุดแข็ง
- เครือข่ายศูนย์ซ่อมและอู่ที่ครอบคลุม
- ประสบการณ์ด้านการจัดการเคลมจำนวนมาก
- ตัวเลือกกรมธรรม์หลากหลาย เหมาะกับรถยนต์ทุกระดับราคา
จุดควรระวัง
- เบี้ยบางโปรแกรมอาจสูงกว่าคู่แข่งในบางกลุ่มลูกค้า
- บริการบางสาขาอาจมีมาตรฐานไม่เท่ากันในพื้นที่ห่างไกล
คำแนะนำจากผม: วิริยะเหมาะกับผู้ขับขี่ที่มองหาความมั่นคงและเครือข่ายอู่ทั่วประเทศ หากขับรถเป็นประจำและต้องการศูนย์บริการที่เข้าถึงง่าย วิริยะถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ
อันดับ 2 กรุงเทพประกันภัย

ภาพรวม กรุงเทพประกันภัย (BKI) เป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงทั้งในประกันรถยนต์และประกันวินาศภัยอื่น ๆ ด้วยบริการที่เน้นความรวดเร็วและการสื่อสารที่ดี
จุดแข็ง:
- ระบบออนไลน์และแอปที่ใช้งานได้ดี (เช็กเคลม, แจ้งเคลม)
- เครือข่ายศูนย์ซ่อมที่ร่วมมืออย่างเป็นระบบ
- บริการลูกค้ามืออาชีพและตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มเมือง
จุดควรระวัง
- เบี้ยบางแบบอาจเหมาะกับคนเมืองมากกว่าคนต่างจังหวัด
- หากต้องการบริการพรีเมียมบางอย่าง อาจต้องจ่ายเพิ่ม
คำแนะนำจากผม กรุงเทพประกันภัยเหมาะกับคนที่อยากได้บริการที่ทันสมัย ใช้งานง่ายผ่านมือถือ และมีเคลมที่ดำเนินการได้เร็ว เหมาะสำหรับคนเมืองและรถที่ใช้งานประจำ
อันดับ 3 ทิพยประกันภัย

ภาพรวม ทิพยเป็นอีกชื่อที่คนไทยคุ้นเคย มีการตลาดชัดเจนและผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้ขับขี่ทั่วไป
จุดแข็ง:
- มีโปรโมชันและแพ็กเกจที่หลากหลาย
- การเข้าถึงบริการในชุมชนค่อนข้างดี
- บริการลูกค้ามีมาตรฐานและมีช่องทางการสื่อสารหลายช่องทาง
จุดควรระวัง
- คุณภาพของอู่ที่ร่วมรายการอาจแตกต่างกันไปตามพื้นที่
- เงื่อนไขบางรายการในกรมธรรม์ควรอ่านให้ละเอียด
คำแนะนำจากผม ถ้าคุณชอบโปรโมชัน มีงบประมาณจำกัด หรืออยากได้ความยืดหยุ่นในการเลือกเสริมความคุ้มครอง ทิพยเป็นทางเลือกที่ดี แต่ต้องเลือกแผนให้เข้ากับการใช้งานจริง
อันดับ 4 คุ้มภัยโตเกียวมารีนประกันภัย

ภาพรวม บริษัทในกลุ่มต่างชาติที่มีชื่อเสียงด้านการบริหารความเสี่ยงและการชดเชยที่เป็นธรรม โตเกียวมารีนเน้นมาตรฐานสากลและการบริการระดับมืออาชีพ
จุดแข็ง
- มาตรฐานการบริหารความเสี่ยงสูง
- นโยบายการชดเชยที่ชัดเจนและเป็นธรรม
- เหมาะกับลูกค้าที่มองหาความมั่นคงระยะยาวและความโปร่งใส
จุดควรระวัง
- เบี้ยประกันอาจสูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดในบางผลิตภัณฑ์
- เงื่อนไขกรมธรรม์บางส่วนอาจเข้มงวดกว่าบริษัทท้องถิ่น
คำแนะนำจากผม ถ้าคุณเน้นความโปร่งใส มาตรฐานสากล และไม่กังวลเรื่องค่าเบี้ยที่อาจสูงกว่าเล็กน้อย โตเกียวมารีนเป็นตัวเลือกที่น่าเชื่อถือ โดยเฉพาะกับรถยนต์ที่มีมูลค่าสูงหรือเจ้าของธุรกิจที่ต้องการความมั่นใจในแง่การชดเชย
อันดับ 5 เมืองไทยประกันภัย

ภาพรวม เมืองไทยประกันภัยเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีฐานลูกค้ากว้าง มีผลิตภัณฑ์ที่ใช้งานง่ายและสื่อสารเข้าใจได้ เหมาะสำหรับผู้ขับขี่ทั่วไป
จุดแข็ง
- ราคาและแพ็กเกจที่สมดุลกับความคุ้มครอง
- โครงข่ายตัวแทนและนายหน้าที่เข้มแข็ง ทำให้หาคนช่วยดูแลเรื่องเคลมง่าย
- มีการปรับผลิตภัณฑ์ให้ทันตามความต้องการของตลาด
จุดควรระวัง
- คุณภาพการบริการอาจขึ้นกับตัวแทนแต่ละคน
- หากต้องการบริการพรีเมียมแบบเฉพาะทาง อาจต้องเลือก add-on เพิ่ม
คำแนะนำจากผม เมืองไทยเหมาะกับผู้ขับขี่ที่ต้องการความคุ้มค่า และอยากได้ตัวแทนช่วยดูแลแบบใกล้ชิด โดยเฉพาะผู้ที่ชอบการติดต่อผ่านนายหน้าหรือสาขา
เปรียบเทียบสั้น ๆ (สำหรับผู้ที่อยากตัดสินใจเร็ว)
- ถ้าต้องการ เครือข่ายกว้างและความมั่นคง: วิริยะ
- ถ้าต้องการ ความสะดวกในการใช้งานผ่านมือถือ: กรุงเทพประกันภัย
- ถ้าต้องการ โปรโมชันและความยืดหยุ่น: ทิพย
- ถ้าต้องการ มาตรฐานสากลและความเป็นธรรมในการชดเชย: โตเกียวมารีน
- ถ้าต้องการ ความคุ้มค่าและการดูแลจากตัวแทน: เมืองไทยประกันภัย
ตัวอย่างกรณีศึกษา (จากประสบการณ์จริง)
เหตุการณ์: ลูกค้ารายหนึ่ง (เจ้าของรถกระบะใช้งานหนัก) ประสบอุบัติเหตุชนท้ายในต่างจังหวัด
- บริษัท A (ที่มีเครือข่ายอู่จำกัด) ต้องรอนานกว่าจะหาศูนย์ซ่อมที่รับงานได้
- บริษัท B (ที่มีเครือข่ายกว้าง) ดำเนินการส่งรถเข้าศูนย์ที่เชื่อถือได้ภายใน 48 ชั่วโมง และค่าเสียหายได้รับการชดเชยตามกรมธรรม์
บทเรียนจากเหตุการณ์นี้คือ เครือข่ายและการจัดการเคลมมีผลโดยตรงต่อระยะเวลาในการคืนรถและความพึงพอใจของลูกค้า ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมมักแนะนำให้ลูกค้าพิจารณาเครือข่ายศูนย์บริการควบคู่ไปกับราคา
คำแนะนำการเลือกกรมธรรม์สำหรับผู้ขับขี่ไทย
- อ่านข้อยกเว้นและเงื่อนไขให้ละเอียด ข้อนี้สำคัญที่สุด บ่อยครั้งที่ลูกค้าตกใจเมื่อพบเงื่อนไขยกเว้นที่ไม่ได้อ่าน
- เลือกวงเงินความคุ้มครองที่เหมาะสมกับมูลค่ารถ อย่าเลือกคุ้มครองต่ำเกินไปสำหรับรถใหม่หรือรถมูลค่าสูง
- พิจารณาเครือข่ายศูนย์บริการและระยะเวลาการเคลม ถ้าคุณต้องใช้รถทำมาหากิน ควรเลือกบริษัทที่คืนรถเร็ว
- เปรียบเทียบค่าเสียหายส่วนแรก (Excess) และค่าเบี้ย บางกรณีจ่ายค่านิดเดียวแต่ต้องแบกรับค่า Excess สูงเมื่อเกิดเหตุ
- ปรึกษานายหน้าที่เชื่อถือได้ นายหน้าที่มีประสบการณ์สามารถช่วยประเมินความต้องการจริงของคุณและแนะนำแผนที่คุ้มค่า
ทำไมต้องเลือกใช้บริการ OMC Broker
ผมทำงานร่วมกับบริษัทประกันหลายแห่งตลอดอาชีพ และในฐานะที่เป็นตัวแทนนายหน้าที่ต้องการให้ลูกค้าได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ผมขอแนะนำ OMC Broker ด้วยเหตุผลต่อไปนี้
- บริการเป็นกลางและโปร่งใส OMC Broker ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างลูกค้าและบริษัทประกัน ไม่ได้ผูกกับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ทำให้เราแนะนำกรมธรรม์ที่เหมาะสมกับลูกค้ามากที่สุด
- เปรียบเทียบข้อเสนอได้ทันที เราช่วยเปรียบเทียบเบี้ยและความคุ้มครองจากหลายบริษัท (รวมถึง 5 บริษัทด้านบน) เพื่อให้ลูกค้าเห็นภาพชัดเจน
- ช่วยอ่านและอธิบายกรมธรรม์ เราจะชี้จุดสำคัญในกรมธรรม์ เช่น ข้อยกเว้น ค่า Excess เงื่อนไขการชดเชย เพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจอย่างมีข้อมูล
- การประสานงานเคลม หากเกิดเหตุ OMC Broker จะช่วยประสานงานกับบริษัทประกันและศูนย์ซ่อม ลดภาระให้กับผู้เอาประกัน
- บริการหลังการขาย ติดตามสถานะเคลม ตอบคำถาม และให้คำปรึกษาเรื่องการปรับลด/เพิ่มแผนตามสภาพการใช้งานจริง
หากคุณต้องการคำปรึกษาแบบเฉพาะเจาะจงสำหรับรถของคุณ สามารถติดต่อ OMC Broker เพื่อขอใบเสนอราคาฟรีและคำแนะนำจากนายหน้าที่มีประสบการณ์
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
Q: ควรเลือกประกันชั้น 1 หรือชั้น 2+? A: ถ้ารถคุณมีมูลค่าสูง (รถใหม่ รถนำเข้า รถที่ต้องการความคุ้มครองครบถ้วน) ควรเลือกชั้น 1 แต่ถ้ารถอายุเกิน 8–10 ปีและต้องการลดค่าเบี้ย ชั้น 2+ อาจเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า
Q: การมีนายหน้าช่วยจริงหรือเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม? A: นายหน้ามักได้รับค่าคอมมิชชั่นจากบริษัทประกัน แต่บริการและคำแนะนำที่ได้รับมักคุ้มค่ากับการมีคนช่วยดูแลเรื่องเงื่อนไขและการเคลมในภายหลัง
Q: อยากเปลี่ยนบริษัทประกัน ต้องทำอย่างไร? A: ติดต่อบริษัทประกันเดิมเพื่อยกเลิก (ตรวจเงื่อนไขการยกเลิก) และเลือกแผนใหม่จากบริษัทใหม่ โดยปกติควรเปรียบเทียบข้อเสนอหลาย ๆ เจ้าเพื่อให้ได้ความคุ้มค่าที่สุด
โลกของประกันรถยนต์อาจดูซับซ้อน แต่การตัดสินใจเลือกบริษัทและแผนที่เหมาะสมไม่จำเป็นต้องเป็นเรื่องยาก หากคุณรู้จักเกณฑ์การพิจารณาและมีผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำแนะนำ จากประสบการณ์นายหน้ารับประกันภัย ผมสรุปใจความสำคัญดังนี้:
- อย่าเลือกเพียงเพราะเบี้ยถูกที่สุด ดูทั้งความคุ้มครองและบริการหลังการขาย
- พิจารณาเครือข่ายศูนย์บริการและการจัดการเคลม สำคัญหากคุณต้องการคืนรถเร็ว
- ปรึกษานายหน้าที่เชื่อถือได้ ช่วยให้คุณเข้าใจข้อยกเว้นและเงื่อนไขลับที่อาจมีผลเมื่อเกิดเหตุ
ถ้าคุณต้องการคำแนะนำแบบเฉพาะสำหรับรถของคุณ หรือขอใบเสนอราคาจากบริษัททั้ง 5 รายนี้ พร้อมคำอธิบายข้อดีข้อเสียตามการใช้งานจริง ติดต่อ OMC Broker เราพร้อมให้คำปรึกษาและช่วยเปรียบเทียบเพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
สนใจประกันรถยนต์ ติดต่อ OMC Broker ได้เลย!
OMC Broker โบรกเกอร์มืออาชีพที่รวมประกันรถยนต์จากทุกบริษัทชั้นนำของประเทศไทยไว้ในที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นวิริยะ กรุงเทพ รู้ใจ ธนชาต และบริษัทชั้นนำอีกมากมาย เราคัดสรรแผนประกันที่ครอบคลุมและคุ้มค่าที่สุดให้คุณเปรียบเทียบได้อย่างโปร่งใส พร้อมทีมที่ปรึกษาคอยแนะนำแบบเป็นกลาง เพื่อให้คุณได้ประกันที่ตรงความต้องการและงบประมาณ ทั้งหมดนี้ทำได้ง่าย ๆ ผ่านระบบออนไลน์ที่สะดวก ปลอดภัย และรวดเร็ว ไม่ต้องเดินทาง ไม่ต้องเสียเวลา เพราะ OMC Broker พร้อมดูแลให้ทุกขั้นตอน จบครบในที่เดียว!


